Friday, 26 April 2024

5 ไอคอน รักษาความงาม วัยเยาว์ ในยุคโบราณ เล่าขานจนถึงปัจจุบัน

วิธีรักษาความงาม ยุคโบราณ คําว่าเป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวยเนี่ย วิธีรักษาความงาม ก็คงจะเป็นคติที่สาวๆหลายคนใช้กันใช่ไหมฮะ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ชนชาติไหนก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องความสวยเป็นสิ่งที่ผู้หญิงถวิลหา ดังนั้น สาวสาวก็เลยสรรหาคงครีมหรือว่าวิธีต่างๆมารักษา เพื่อให้สิ่งเหล่านี้มันอยู่ ถึงแม้ว่าวิธีเหล่านั้นเนี่ย มันอาจจะฆ่าพวกเธอก็ตาม. เราก็เลยจะมากับเคล็ดลับความงามของไอคอนในอดีต เราจะไปดูกันว่านางๆเหล่านี้ มีเคล็ดลับอะไรในการที่ทําให้ความงามของนางยังเป็นที่กล่าวขานอยู่จนถึงยุคปัจจุบันนี้. จะมีใครกันบ้างเราก็มาฟังกันเลยครับผม

อันดับ 5 Nefertiti กับการแต่งหน้าที่สามารถจะฆ่าคุณได้

เนเฟอร์ติติ ราชินีแห่งอียิปต์ที่ขนาดชื่อของเธอเนี่ย ยังคอนเฟิร์มเลยว่าเธองามขนาดไหน. คําว่า เนเฟอร์ติติ มีความหมายว่า “ความสวยที่มาสู่” หรือถ้าจะแปลก็ประมาณว่า นางพญามาแล้วจ้าาาา… อะไรประมาณนั้นนะ ถึงแม้ว่าหลายหลายคน อาจจะไม่รู้ว่าเรื่องราวชีวิตของเธอเนี่ย มันเป็นยังไงก็ตาม แต่แอดมินเชื่อว่าหลายๆคน ก็คงจะคุ้นตากับรูปปั้นของนางที่เป็นเฉพาะส่วนหัว ซึ่งถึงแม้ว่าจะผ่านมาตั้ง 3000 ปีละ ทั่วโลกก็ยังหยิบยกไปใช้เป็นแบบอย่างในการอธิบายความงามแบบอียิปต์โบราณอยู่เลย แน่นอนครับว่าความสวยแบบนี้เนี่ย มันก็ไม่ได้ได้มาฟรีๆนะ เนเฟอร์ติติ ก็เหมือนกับผู้หญิงในยุคนี้เนี่ยแหละ ที่จะต้องถลุงเวลาไปอย่างมากกับการแต่งหน้าเพื่อจะให้ดูดี ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นเลยของราชินีผู้นี้ก็คือ “อายไลเนอร์” ที่คนปัจจุบันก็ยังเลียนแบบกันอยู่เลย กับสีของริมฝีปากของเธอที่ดูแดงอย่างเป็นธรรมชาติ ความลับในความงามของราชินีผู้นี้ ก็อาจจะหาคําตอบยากสักนิดนึง ด้วยความที่ว่าในยุคของเธอ มันมีปัญหาทางด้านการเมืองแล้วก็ดราม่าอยู่. ก็เลยทําให้หลักฐานต่างๆ ถูกทําลายไป. แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ ด้วยความที่ว่าค่านิยมของผู้หญิงอียิปต์สมัยก่อนนะครับ เขามักจะฝังเครื่องสําอางของตัวเองลงไปในฮวงซุ้ยด้วย ก็เลยทําให้เราพอจะทราบได้ว่าพระนางเนเฟอร์ติติ ใช้เครื่องสําอางแบบไหนกัน ….สมัยนี้มีใครฝังเครื่องสําอางลงไปพร้อมหลุมศพตัวเองเปล่าเนี่ย?… โดยอายไลเนอร์ที่ราชินีเนเฟอร์ติติได้ใช้ เขาจะเรียกว่า Coal เป็นการตกแต่งตาเป็นสารดําๆชนิดหนึ่ง ซึ่งทํามาจากตะกั่ว ซึ่งปัจจุบันเราก็รู้กันเนอะว่า สารตะกั่ว มันมีพิษแล้วก็สามารถฆ่าคนได้อย่างช้าๆ นอกจากการเอาสารตะกั่วดําดํามาใส่ในที่แต่งตาแล้ว ในยุคของราชินีเนี้ยก็ยังค้นพบกับเจ้าสารดําๆชนิดนี้อยู่ด้วย ต้องบอกก่อนนะว่าสาวอียิปต์สมัยก่อนเนี่ย เขามีค่านิยมในการโกนหัวแล้วก็ใช้วิกแทน เพื่อจะแก้ปัญหาเรื่องความร้อนแล้วก็เหา คือร้อนมากก็เปิดหัวมาระบายอากาศซะเลย สาวไทยก็สนใจจะใช้วิธีนี้บ้างไหมฮะ? บ้านเราก็ได้ข่าวว่าร้อนใช้ย่อยนะ นั่นเองก็เลยทําให้ราชินีเนเฟอร์ติติ ตลอดชีวิตของเธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับสารตะกั่วตลอดไป แต่มันก็อาจจะไม่ทําให้เธอตายได้ง่ายๆหรอกนะ ถ้าเธอจะตายจริงๆเนี่ย ก็อาจจะมาจากเครื่องสําอางอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือลิปสติกของเธอมากกว่า ที่ทํามาจากสารเคมีชื่อ โบรมีน และก็ มานิกอล ซึ่งก็ร้ายแรงอยู่พอควรเลย เอาง่ายๆคือ กรุเครื่องสําอางของเธอ ก็คือยาที่ค่อยๆส่งให้เธอลาโลกไปอย่างช้าๆนั่นแหละ

อันดับ 4 Queen Alizabeth ที่ 1 เคลือบผิวของคุณด้วยสารตะกั่ว

Queen Alizabeth ที่ 1 หนึ่งในผู้หญิงแกร่งแห่งศตวรรษที่สามารถปกครองทั้งราชอาณาจักรอังกฤษได้โดยไม่ต้องพึ่งใครใดๆมาช่วย จนทุกคนนั้นกล่าวขานว่าเธอคือพระราชาแห่งอังกฤษ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะได้ฉายาแบบนี้นะ ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีความเป็นผู้หญิงอยู่ในตัวเลยนะ ความสวยเองเนี่ย ก็ยังเป็นสิ่งหนึ่งที่เธอคํานึงอยู่ทุกวันเหมือนกัน ผิวพรรณของราชินีนะครับ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผิวพรรณที่ ขาวราวกับกระเบื้องเซรามิกเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าพระองค์มักจะใช้เครื่องสําอางชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า ผงแป้งแห่งเวนิส ซึ่งมันจะเป็นผงขาวที่พอทาไปแล้วเนี่ย จะทําให้ผิวของผู้ใช้สักระยะหนึ่ง จะมีความผ่องขึ้นมาได้อย่างชัดเจนเลย ด้วยความที่ว่ามันมีในเวลาอันสั้นอย่างงี้นี่เอง ก็เลยทําให้ผงแป้งชนิดนี้เนี้ยได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่เบื้องหลังอันน่าทึ่ง มันก็มีความลับอันน่ากลัวแฝงอยู่ เพราะว่าส่วนผสมหลักๆของมันนะครับ ประกอบด้วย น้ําส้มสายชู แล้วก็ สารตะกั่ว ซึ่งปัจจุบันเราก็รู้ๆกันแล้วนะว่า ถ้าสารเหล่านี้ถูกดูดซับเข้าไปทางผิวหนังเรื่อยๆ ผิวหนังมันก็จะเปลี่ยนเม็ดสีให้จางลง จนทําให้ดูเหมือนกับว่าคนๆนั้นเนี่ย ผิวขาวขึ้น ถึงแม้ว่าราชินีเนเฟอร์ติติ เขาจะใช้สารชนิดนี้มาเป็นอายไลเนอร์. แต่ก็คงเทียบไม่ได้เลยกับราชินี Alizabeth ซึ่งนางเล่นพอกกันทั้งตัวเลย! เอาจริงๆถ้าสมัยนั้นมันมี guinness book นางก็คงได้รับบันทึกว่าเป็นผู้หญิงที่ใช้สารตะกั่วมากที่สุดในโลกแล้วมั้ง สาเหตุที่เธอต้องใช้ซะเยอะขนาดนี้ ก็เพราะว่าในสมัยนั้น มันมีโรคระบาดชนิดหนึ่งชื่อว่า ไข้ทรพิษ หรือว่า ฝีดาษ ซึ่งพอเป็นไข้ชนิดนี้แล้ว ก็จะทําให้ผิวหนังของเธอมีจุดแดงๆ ตะปุ่มตะป่ําเหมือนกับรอยสิวเลย คือถ้าเป็นมากๆก็จะเป็นตุ่มขึ้น น่าเกลียดเลยทีเดียว แล้วองค์ราชินีก็ดันไปติดโรคชนิดนี้เนี่ยเข้าตั้งแต่อายุ 29 ปี. แน่นอนครับว่าบนผิวหนังของราชินีเนี่ย. ก็จะต้องมีแผลเป็นอันน่าหยาบแหยงอยู่. ดังนั้นเพื่อปกป้องริ้วรอยอันนี้ เธอก็จะต้องโป๊ะแป้งชนิดนี้ที่มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “แป้งแห่งเวนิส” เข้าไปในตัว จนกระทั่งพอกราวกับโบกปูนตึกเลยทีเดียว ว่ากันว่าเธอน่ะโบกหนา แล้วก็โบกทุกวันจนกระทั่งคนในวัง จําไม่ได้เลยว่าหน้าตาที่แท้จริงของเธอเป็นยังไง มันเคยมีข่าวซุบซิบนินทาในพระราชวังอยู่ครั้งหนึ่ง เกิดจากการที่ขุนนางคนหนึ่งเนี่ย ได้ไปเผยเห็นหน้าของราชินีตอนที่ไม่แต่งหน้าเข้า เขาบอกว่าตอนนั้นเนี่ย เขาเกือบหัวใจจะวายเลยทีเดียว นึกว่าซากศพที่ไหนมาเดินในพระราชวัง

อันดับที่ 3 อาบน้ําในน้ําไวน์ พระราชินีแมรี่แห่งสก็อต

พระราชินีแมรี่แห่งสก็อต คู่ตบอย่างแท้จริงของพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ ไม่ว่าจะทั้งด้านการเมือง ด้านศาสนา และที่สําคัญคือด้านความสวยด้วย พระราชินีแมรี่แห่งสก๊อต ว่ากันว่าเดิมทีเนี่ย เธอก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่มีความสวยอะไรมาตั้งแต่กําเนิดหรอก เธอเกิดมาพร้อมกับจมูกที่ใหญ่ แล้วก็มีคางที่แหลมเกินงาม แต่ด้วยความที่ว่าเธอเป็นราชินีแล้วก็ดันมีคู่แข่งเป็นพระราชินี Alizabeth ไง ซึ่งงามกว่ามากในตอนนั้น ก็เลยจะต้องหาวิธีมาทําให้เธอเนี้ยดูดีขึ้น และเธอก็ได้ใช้เคล็ดลับอย่างหนึ่ง ว่ากันว่ามันทําให้เธอเนี่ย ผิวผ่องแล้วก็มีสง่าราศีมาก ถึงแม้ว่าหน้าตาของเธอจะไม่ดีนะ แต่ผิวพรรณของเธอเนี่ย ก็เป็นที่กล่าวขานกัน ในขณะที่พระนั่ง Alizabeth ทรงงั่วอยู่กับการหมักผิวของเธอด้วยสารตะกั่ว พระราชินีแมรี่ ก็จะใช้วิธีที่ดูดีกว่า คือเธอจะให้คนใช้ของเธอ ไปเตรียมเอา “ไวน์ขาว” มาเพื่อล้างหน้า หลังจากนั้นตอนอาบน้ํา พระราชินีเขาจะให้คนรับใช้ของเธอนําไวน์ไปเติมซะจนเต็มอ่างเลย. ผสมกับน้ําอุ่นๆนิดๆ หลังจากนั้นเธอก็จะลงไปแช่ในน้ํานั้น ด้วยความที่เชื่อว่าไวน์ จะมีคุณสมบัติในการปรับผิวให้มันนุ่ม ชุ่มชื่นมากขึ้น ฟังดูแล้ว เนี่ย มันก็เป็นวิธีที่ไม่ค่อยโหดร้ายเท่ากับ 2 วิธีที่แล้วนะ เพียงแค่ว่ามันค่อนข้างจะถลุงเงินพระคลังไปเยอะเลยทีเดียว ด้วยความที่ว่าในศตวรรษที่ 16 ไวน์มันไม่ได้หาซื้อง่ายๆตามซูเปอร์ไง! ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะดูเวอร์วังอลังการซะขนาดนั้นนะ แต่ในปัจจุบันก็ได้มีคนเอาวิธีนี้มาใช้นะ ที่เขาเรียกกันว่า “บําบัดโดยใช้ไวน์” ส่วนใหญ่นะครับ. ก็จะไม่ได้ใช้ไวน์ที่เรามาเทดื่มกันหรอกนะ แต่จะเป็นพวกกากของไวน์ หรือว่าพวกเปลือกขององุ่นที่เหลือๆอยู่แล้ว เอามาคั้นเป็นน้ํามากกว่า ซึ่งก็มีสถานที่ทั่วโลกที่ให้บริการแบบนี้อยู่. ถ้าหากสาวสาวหรือเพื่อนเพื่อนคนไหนอยากไปสัมผัสเนี่ย ก็สามารถหาได้ แต่ต้องขอบอกก่อนเลยว่าต้องกระเป๋าตังค์หนักพอควร เพราะมันก็ยังแพงอยู่

อันดับ 2 จักรพรรดินีโซอี กับปฏิบัติการการสร้างศูนย์วิจัยเครื่องสําอางเพื่อเธอเอง

จักรพรรดินีโซอี ชื่อของจักรพรรดินีโซอี คนนี้นะฮะ เพื่อนๆหลายคนเนี้ยอาจจะไม่รู้จัก แต่ว่าเธอได้รับการยกย่องในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่งามที่สุดในยุค ไบแซนไทน์ เลยนะ ชีวิตของเธอนะจะเต็มไปด้วยเรื่องราวการฉาวโฉ่ ตบตีแย่งบัลลังก์กัน ด้วยความที่ว่าเธอน่ะสวยเลือกได้ พอเบื่อสามีตัวเองแล้วก็เลยใช้ความสวย หลอกให้ผู้ชายคนอื่นไปฆ่าสามีตนเอง แล้วก็มอบตําแหน่งราชาให้ผู้ชายคนใหม่คนนั้น. คือจะสวยขนาดไหนนั่นเหรอ? ว่ากันว่าขณะที่เธอมีอายุปาไป 60 แล้วนะฮะ ผิวพรรณและหน้าตาของเธอ ก็ยังดูเหมือนสาว 20 แรกรุ่นอยู่เลย แน่นอนครับ. ว่าการจะตรึงอายุให้ได้ขนาดนี้เนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย และเคล็ดลับของเธอนะ ถึงแม้ว่าจะรู้ไปแต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเอาไปทําตามได้ง่ายๆ แต่มันก็น่าสนใจเลยทีเดียว แอดมินก็เลยออกมาเล่า. ก็คือเปิดห้องวิจัยเครื่องสําอางส่วนตัวซะเลย คงเป็นเรื่องที่ไม่ยากมากสําหรับจักรพรรดินีโซอี ที่จะไปเอาหินทรายจากภูเขาไฟมาพอกหน้า หรือผงทองจากแอฟริกามาบด เพื่อจะมาเป็นส่วนผสมของเครื่องสําอางที่มีราคาราวกับค่าจ้างคนงานหนึ่งเดือนในยุคนั้นเลย. โดยองค์จักรพรรดินีโซอี ได้อุทิศส่วนหนึ่งของพระราชวังเธอเนี้ย เปลี่ยนแปลงให้เป็นโรงงานเครื่องสําอางราคาแพงเลย ที่จะมาวิจัยงานต่างๆ “เพื่อเธอคนเดียว” ซึ่งผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงเนี้ย เราก็ลองมาฟังกับบันทึกประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงเธอกันดูดีกว่า …มีคํากล่าวว่าเมื่อทุกครั้งที่เธอได้ปรากฏตัวออกไป ชายทุกคนก็จะถึงกับ “อึ้ง” พูดอะไรไม่ออก เนื่องจากผิวหนังของเธอที่ดูตึงเปรี๊ยะราวกับไก่อบที่หมักมาอย่างดี เนื้อนวลที่ขาวผ่อง แล้วก็ไม่มีรอยเหี่ยวย่นเลย… แต่ด้วยความที่ว่าเธอมีความรู้ด้านยาซะขนาดนี้เอง นอกจากจะคิดสูตรผลิตผิวสวยแล้วเนี่ย ก็ยังได้คิดสูตรยาพิษในการฆ่าสวามีเธอแบบไร้ร่องรอยอีกด้วย

สี Make up ใดที่เข้ากับสีผิวในยุคโบราณ

Choosing the perfect makeup for your skin in ancient times was a meticulous process. Dark-skinned individuals often opted for earth-toned makeup, while fair-skinned individuals preferred lighter shades. Cleverly matched makeup shades accentuated the beauty of every complexion, enhancing natural features without overpowering them. Selecting the right hues was essential to exude timeless charm and elegance.

Are Chanel Chance Perfumes Suitable for Younger Women?

When it comes to Chanel Chance perfume, reviews indicate that it appeals to women of all age groups. Younger women especially find the scent refreshing and suitable for casual occasions. With its unique blend of floral and citrus notes, this fragrance exudes a youthful vibe that is both elegant and playful. Overall, the positive chanel chance perfume reviews suggest that it is a popular choice among younger women.

อันดับ 1 คลีโอพัตรา กับการ “อาบน้ำนมลา”

คลีโอพัตรา แน่นอนฮะ เมื่อพูดถึง ความงาม แล้วเนี่ย ก็จะขาดแม่นางคลีโอพัตราไปไม่ได้เลย คลีโอพัตราเป็นราชินีแห่งอียิปต์ที่ได้งามตึงใจ แม้กระทั่งคนยุคก่อนยุคปัจจุบัน จนกระทั่งเธอกลายเป็นหนึ่งในไอคอนความงามของฮอลลีวูดไปเลย ว่ากันว่าจริงๆแล้วนะฮะ ตัวของคลีโอพัตราเอง ก็ไม่ได้งามเลยแม้แต่กําเนิดหรอก แต่ว่าเธอมีหลายๆสิ่งที่ทําให้ผู้ชายหลงไหล นั่นก็คือ “หัวนั่นเอง” ครีโอพัตราได้ใช้หัวในการล่อผี…เอ๊ย! ที่หัวสมองอันชาญฉลาดนะ. ก็เลยทําให้เธอมีปัญญาในการไปคิดแผนการต่างๆ ที่จะมาตรึงใจเอาเหล่าชายหนุ่มไว้มากมาย ซึ่งหนึ่งในแผนการนั้นก็คือ คิดค้นสูตรความงามต่างๆด้วย ซึ่งมีอยู่มากมายเลยทีเดียว แต่ว่ากันว่าบางสูตรคนสมัยนี้ก็ได้แต่งเติมเข้าไปนะ เอาเป็นว่า แอดมิน จะขอยกมาให้ฟังกันบางสูตรก็แล้วกัน…. หนึ่งในวิธีที่โด่งดังที่สุดนะก็คงจะเป็นการ “อาบน้ํานม” แต่ว่าไม่ใช่นมธรรมดานะ ต้องเป็นนมของ “ลา” โดยทุกๆวัน คลีโอพัตรา ใช้คนใช้ของเธอไปบีบนมสดๆมาจากแม่ลาเพื่อที่จะมาอาบ ว่ากันว่าในวังของเธอช่วงที่เธอครองราชย์อยู่นะฮะ. ก็เลี้ยงลาไว้ถึง 700 ตัวเลย เพื่อที่จะมาบีบให้เธอทุกวัน หัวนมลานี่คือช้ํากันเลยทีเดียว! มีความเชื่อว่า แลคโตส ที่อยู่ในน้ํานมของลาหรือว่าสัตว์อื่นๆ มันจะสามารถช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ นอกจากนี้ ราชินีผู้นี้ก็ยังมีวิธีการอีกมากมาย ซึ่งเธอได้ทดลองจนกระทั่งกลายเป็นสุดยอดเจ้าแม่แห่งวงการบิวตี้ในยุคโบราณเลย อย่างเช่นการทําลิปสติกที่ทํามาจากเปลือกของแมลงเต่าทองที่บดละเอียด พอกโคลนที่ทาสไปหอบมาจากตุรกี หรือว่าเอาขี้จระเข้เนี่ยมาบดเป็นผงแป้งเพื่อใช้ทาตัว หรือไม่ก็เอามาพอกหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น. อยากจะคิดภาพผู้ชายที่หอมแก้มเธอเลยไม่… หอมครี้… ซึ่งไอ้การที่เธอได้จับใจผู้ชายได้หลายๆคนนี่เอง ก็เลยทําให้ ความงามของเธอเนี่ย ยังเป็นที่กล่าวขานกันจนถึงยุคปัจจุบันเลย นอกจากเรื่องความงาม ว่ากันว่าหล่อนเนี่ย ก็ยังได้เป็นคนแรกที่คิดค้น “ของเล่นสยิว” แบบสั่นๆ ขึ้นมาใช้บนโลกด้วย

****************************************************

สนับสนุนบทความโดย Fun88