Tuesday, 30 April 2024

องุ่นสุดหรูญี่ปุ่น พวงละแสน

09 Sep 2022
475

องุ่นสายพันธุ์ Ruby Roman องุ่นที่แพงที่สุด เมื่อใครได้สัมผัสต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก เป็นรสชาติองุ่นที่ดีที่สุด! แถมราคาแพงหลายแสนบาท ด้วยความเป็นตัวจริงในด้านการคิดค้นสินค้าแปรรูปทางการเกษตรใหม่ใหม่ เป้าหมายที่สินค้าเกษตรของญี่ปุ่น องุ่นสายพันธุ์นี้ ผลมีขนาดใหญ่กว่าสายพันธุ์ทั่วไปถึง 4 เท่า นอกจากนั้นยังมีการระบุสีขององุ่นเพื่อกำหนดราคาตามเฉดสีที่กำหนดไว้ราว 5 เฉดและสีที่ตรงตามเป้าคือสีเฉดที่ 3 หรือไม่ก็เฉดที่ 4 โดย 1 พวงนี้ขายได้ตั้งแต่ 90 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3,296 บาทไปจนถึง 450 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 16,482 บาท

ราคาขององุ่นสุดหรูที่แพงระดับหลายแสนบาทนั้นมาจากจำนวนองุ่นที่มีน้อย กระบวนการผลิตนั้นยากแสนเข็ญ รสชาติอร่อยล้ำระดับที่หาลองชิมเข้าขั้นลำบาก อีกทั้งความพยายามของผู้คนที่นิยมและต้องการลิ้มลองรสชาติจนต้องประมูล ส่งผลให้ราคาองุ่นแพงได้ขนาดนี้เลยแหละ

 

ความพรีเมียมสุดหรูของ Ruby Roman

  • มีขนาดตามที่กำหนด
  • มีสีตามที่กำหนด
  • สีของผลองุ่นจะต้องสม่ำเสมอเท่ากันทั้งพวง ถ้ามีเฉดสีไม่สม่ำเสมอถือว่ายังไม่ดีพอ
  • มีรสชาติหวาน ไม่ออกเปรี้ยว
  • ผลองุ่นมีขนาดใหญ่กว่าสายพันธุ์อื่น
  • มีน้ำหนักมาก
  • มีพื้นที่เพาะปลูกแห่งเดียวในญี่ปุ่นคือจังหวัด Ishikawa
  • มีการเพาะปลูกในโรงเรือนที่สามารถคัดกรอง ตรวจสอบได้ตลอดเวลา
  • การตกแต่งผลพวงองุ่นก็สำคัญ ต้องคอยดูแลเพื่อจะควบคุมผลผลิตระดับพรีเมียมได้

พัฒนาองุ่นสายพันธ์ใหม่

สำหรับความต้องการพัฒนาสายพันธุ์ Ruby Roman นี้ หัวหน้าทีมนักวิจัย Hirofumi Isu เล่าถึงประวัติที่มาว่า เขาได้ยินว่าเกษตรกรต้องการองุ่นสายพันธุ์ใหม่ที่มีผลขนาดใหญ่และมีผลสีแดง ผลสีแดงนี้สำคัญมากเพราะมันจะทำให้แตกต่างจากสายพันธุ์ Kyoho ที่มีอยู่เดิม จุดแข็งของการคิดค้นสายพันธุ์นี้ก็คือ ต้องสร้างให้แตกต่าง ไม่ทับไลน์กัน ไม่แย่งตลาดกันเอง แม้แต่องุ่นก็ยังต้องมีเอกลักษณ์และสงวนความโดดเด่นของสายพันธุ์กันและกันด้วย

เรียกได้ว่า ถ้าจะซื้อองุ่นผลสีดำต้องซื้อพันธุ์ Kyoho ถ้าจะซื้อองุ่นผลสีเขียวต้องซื้อพันธุ์ Mascat ซึ่งการจะผลิตองุ่นที่มีสีที่ดีได้บางครั้งก็ถูกทำลายเพราะสายฝน ดังนั้นจึงได้ข้อสรุปว่า ควรสร้างสายพันธุ์องุ่นเสียใหม่ เอาแบบ hybrid สามารถเข้ากับสภาวะอากาศของญี่ปุ่นได้ ซึ่งอากาศที่ Ishikawa ทั้งตอนกลางวันและกลางคืนก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมาก ทำให้การจะพัฒนาสายพันธุ์สีแดงนั้นค่อนข้างยาก ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่การพัฒนาข้ามสายพันธุ์ระหว่างองุ่นสีแดงและองุ่นสายพันธุ์ Fujiminori ที่มีผลขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นหรือเรียกว่าเป็นตัวแม่ของสายพันธุ์องุ่นที่มีผลใหญ่ที่สุดมาผสมนั่นเอง

 

ประมูลราคาองุ่น

จากนั้นก็เริ่มเกิดการประมูลครั้งแรกที่ Kanazawa Central Wholesale Market ในเดือนสิงหาคม ปี 2008 จากระดับ 10,000 เยนไปถึง 100,000 เยนและสู่การประมูลด้วยระดับราคาที่แพงที่สุดครั้งแรกในปี 2011 ด้วยองุ่น 1 พวง มูลค่าประมาณ 500,000 เยนหรือประมาณแสนกว่าบาท

สรุปสั้นๆ ก็คือ กว่าจะผลิตองุ่นพวงละแสนบาทได้นั้นต้องตั้งใจทำตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ คุณสมบัติของความแพงนี้ได้มาจากการพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกันอย่างจริงจังระหว่างหน่วยงานของรัฐกับภาคประชาชน ด้วยราคาระดับนี้ที่นอกจากจะได้องุ่นที่    พรีเมียมแบบขั้นสุดแล้ว แต่มันยังแสดงถึงความทุ่มเทและใส่ใจของเกษตรกรชาวญี่ปุ่นมากฝีมือที่พิถีพิถันตั้งใจผลิตผลไม้มาให้ชาวโลกได้ลิ้มรสกัน ความพยายามรวมไปถึงเกณฑ์การคัดสรรต่างๆเพื่อให้ได้ผลผลิตที่สมบูรณ์ที่สุด

สนับสนุนโดย ufa911.co