Friday, 29 March 2024

น้ำอบ ขายดีแค่ช่วงสงกรานต์ แต่อยู่มานานนับ 100 กว่าปี

ปก น้ำอบ ขายดีแค่ช่วงสงกรานต์ แต่อยู่มานานนับ 100 กว่าปี

แล้วน้ำอบนางลอย มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ? วันนี้ treemusketeers มีคำตอบ…

ทำไมต่อให้ความนิยมในการใช้จะลดลง​ เป็นสินค้าที่คนไทยนึกถึงแค่ปีละครั้ง ถึงสามารถยืนหยัดมานับร้อยปี​ ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของน้ำอบนางลอย ถือกำเนิดโดย คุณย่าเฮียง หรือ แม่เฮียง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิธีการปรุงน้ำอบไทย มาจากเพื่อนที่อยู่ในวัง จึงนำสูตรดังกล่าว มาศึกษาดัดแปลงเพิ่มเติม ด้วยการนำกลิ่นหอมของดอกไม้และสมุนไพรไทยชนิดต่าง ๆ มาผสมผสานกับน้ำหอมของฝรั่ง ที่เริ่มมีความนิยมในสมัยนั้น เพื่อให้มีกลิ่นหอมแบบไทย แถมยังมีกลิ่นหอมติดทนนาน แม่เฮียง เริ่มทดลองตลาดด้วยการ​นำน้ำอบมาวางขายที่ ตลาดนางลอย ข้างวัดบพิตรพิมุข สมัยนั้น อย่าว่าแต่ตั้งชื่อ หรือมีตราสินค้าเพื่อให้ลูกค้าจดจำ แค่วิธีการขาย ก็ยังเป็นแบบบ้าน ๆ โดยบรรจุน้ำอบใส่โอ่งมาตั้งขาย ใช้วิธีตักเป็นกระบวย ๆ ขาย​ลูกค้าที่สนใจ ต้องนำภาชนะมาบรรจุน้ำอบกลับไปเอง โดยจะคิดราคาตามจำนวนกระบวยที่ตัก​ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้น้ำอบของแม่เฮียง ได้รับความนิยมอย่างมาก ลูกค้าพากันแนะนำปากต่อปากถึง “น้ำอบไทย ของแม่เฮียง ที่ตลาดนางลอย”สุดท้ายพูดเพี้ยนไปมา จนเหลือแค่ “น้ำอบนางลอย”ซึ่งในภายหลังกลายเป็นชื่อแบรนด์ในที่สุด เพราะเป็นชื่อที่ติดปากลูกค้าอยู่แล้ว ส่วนตราสินค้า เป็นไปได้ว่า เพื่อให้เข้ากับชื่อ “นางลอย” เลยออกแบบเป็นรูปนางฟ้า ลอยอยู่บนก้อนเมฆ ถือขวดน้ำอบไทยไว้ในมือซ้าย ประดับด้วยลวดลายไทยโดยรอบ

น้ำอบ

ที่น่าสนใจคือ จะเห็นว่าสีหลักที่เลือกใช้ คือ สีแดง ขาว และน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีของธงชาติไทย เพราะต้องการสื่อถึงความเป็นไทยนั่นเองนอกจากน้ำอบนางลอย จะมี น้ำอบ เป็นสินค้าไฮไลต์สมกับชื่อแบรนด์​แม่เฮียงยังพัฒนาสินค้าตัวอื่น ๆ อย่าง แป้งหินร่ำ ดินสอพอง​ และเทียนอบนางลอย ออกมาตีตลาด และได้รับความนิยมเช่นกัน จนทำให้กิจการเริ่มขยายตัว จากที่เปิดร้านอยู่ในตลาด ก็มาเปิดร้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ที่ถนนมหาไชย แขวงสำราญราษฎร์ ตรงข้ามวัดเทพธิดารามและวัดราชนัดดาราม ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้ามาจนถึงปัจจุบัน

อะไรคือกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ในการสร้างแบรนด์น้ำอบนางลอยให้ติดตลาด

นอกจากจะคุณภาพของสินค้า และกลิ่นหอมของน้ำอบที่เป็นเอกลักษณ์ มีเพียงกลิ่นออริจินัลเพียงกลิ่นเดียวมาจนถึงปัจจุบัน อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยแจ้งเกิดให้แบรนด์โด่งดังไปทั่วประเทศ คือ การอาศัยช่องทางการจำหน่ายอย่าง ร้านสังฆภัณฑ์ และร้านค้าต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ แน่นอนว่าด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ ที่น้อยคนนักจะไม่รู้จักอาจทำให้หลายคนวาดภาพว่า เบื้องหลังการผลิตของน้ำอบนางลอย ต้องมีโรงงานผลิตใหญ่โต แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้นใครจะคิดว่า น้ำอบนางลอย ที่เราเห็นวางขายอยู่ดาษดื่น ในช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ของทุกปี จะยังคงกระบวนการผลิตไว้ใกล้เคียงกับวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม เรียกได้ว่าคราฟต์ในทุกขั้นตอน ไม่มีเครื่องจักรมาอำนวยความสะดวก ในแต่ละวันพนักงานฝ่ายผลิตราว 15 ชีวิต จะบรรจงต้มน้ำสมุนไพรด้วยฟืน อบควันเทียน ปรุงน้ำอบ จากนั้นจึงกรอกใส่ขวด และติดฉลาก ก่อนจะบรรจุใส่กล่อง เพื่อเตรียมสินค้าไว้รอขายหลายคนอาจสงสัยว่า ที่บอกว่าขายดีปีละครั้ง จริง ๆ แล้วน้ำอบนางลอยขายดีแค่ไหน

น้ำอบนางลอย

คุณดิษฐพงศ์ ธ.เชียงทอง ทายาทรุ่นที่ 4 ซึ่งเข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่ของธุรกิจครอบครัวเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ถ้าประเมินในช่วง​ 10 ปีที่ผ่านมา (ไม่รวมปีที่แล้ว ซึ่งเกิดโควิด 19)ยอดขายน้ำอบนางลอย อยู่ในระดับทรงตัวและเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในบางปีแต่ถ้าปีนี้โชคดี ขายสินค้าออกหมด ยอดขายจะอยู่ประมาณ 10 ล้านบาทเหตุผลที่ทำให้ น้ำอบนางลอย ยังรักษายอดขายได้ดีแม้ความนิยมในการใช้น้ำอบจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะน้ำอบยังเป็นของจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ คนไทยนิยมใช้น้ำอบสำหรับสรงน้ำพระ และใช้รดน้ำดำหัวเพื่อขอพรผู้ใหญ่ แต่ก็ใช่ว่า ช่วงอื่น ๆ ยอดขายจะเป็นศูนย์ เพราะจริง ๆ แล้ว น้ำอบยังมีบทบาทในทุกเทศกาลไม่ว่าจะเป็นงานพิธีมงคล เช่น รดน้ำสังข์ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ หรือแม้แต่งานอวมงคล อย่างงานศพหรืออย่างในปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นวิกฤติครั้งใหญ่ของน้ำอบนางลอยที่ไม่มีการจัดงานสงกรานต์จากที่แต่ละปี สินค้าต้องขายออกอย่างน้อย 80% ที่ผลิตไว้แต่ปีที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ขายได้แค่ 30% เท่านั้น โชคดีที่น้ำอบ สามารถเก็บไว้ได้นาน 2-3 ปี เลยยังพอได้ต่อลมหายใจเพราะสามารถนำสต็อกที่เหลือ เก็บไว้ทยอยขายได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะเจอกับวิกฤติที่ไม่มีใครคาดคิดแต่ที่ผ่านมา “น้ำอบนางลอย” ก็มีการปรับตัว เพื่อให้แบรนด์ยังคงอยู่ในกระแส ด้วยการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย

สนับสนุนโดย 123faz.pro