Saturday, 7 September 2024

คู่แข่ง Netflix มีกี่ราย? ทำความเข้าใจศึกสตรีมมิ่งระดับโลก

ปก netflix

สตรีมมิ่งในตอนนี้มีเยอะมากๆ เราทํา research มาให้เลยว่าจะต้อง subscribe เจ้าไหนดี ? แล้วในตลาดในจักรวาลนี่มันมีปัญหาอะไรบ้าง ? เพราะว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคที่เจ้าของคอนเทนต์อยากจะเป็นเจ้าของสตรีมมิ่งและความซวยดูเหมือนว่าจะตกอยู่ที่พวกเรา Netflix กําลังจะโดนรบกวนโดยเจ้าใหญ่ใหญ่ในวงการคู่แข่ง มีใครบ้าง ? เช่น ดิสนีย์ apple comcast ที่เป็นเจ้าของ NBC Universal คู่แข่งเยอะมาก แต่ละเจ้าเขาจะทําเอง เขาจะทําเองหมายความว่าอะไร หมายความว่า content ที่อยู่ใน nextfix ตอนนี้หลายๆ เรื่องที่เราดูๆกันอยู่จะโดนถอดไปยกตัวอย่างเช่น ข่าวใหญ่ที่สุดคือดิสนีย์บอกเลยว่า มาร์เวล สตาร์วอร์ ทั้งหลายเหล่านี้จะออกจาก Netflix ภายในปีนี้ ส่วนซีรีส์ที่คนดูเยอะเยอะในสหรัฐอเมริกาอย่างเฟรนด์หรือว่า ดิออฟฟิศ ก็ไม่ใช่ของเนตฟิกซ์ มันเป็นของ NBC Universal และอีกอันหนึ่งก็เป็นของ SBO ก็คือว่า Netflix จะไม่มีซีรีส์ที่คนดูมากที่สุดอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องทําก็คือต้องเร่งสร้าง original content ของตัวเองขึ้นมา

ทีนี้ไปดูคู่แข่งกันบ้าง ดิสนีย์ พลัส ของดิสนีย์นี่โคตรจะมีพลังสูงมากเพราะว่าคาแรคเตอร์โดนใจคนทั่วโลก Star Wars marvel ทุกอย่างมันเป็นพลัง character ที่มันแรงมาก ๆ แล้ว screaming ของดิสนีย์ plus เขาบอกว่าราคาเขาจะอยู่ที่ 6.99 ดอลลาร์ต่อเดือนถูกกว่า Netflix ครึ่งหนึ่งตายแน่ ๆ Netflix ไม่จบแค่นั้นไปดู ATNT ที่ไปเข้าซื้อกิจการของ Time Wonner แล้วแปลงกิจการมาชื่อว่า Wonner Media เขาเป็นเจ้าของ SBO ใครที่ดู Game of Thrones ก็จะรู้จัก SBO ความสวยของภาพการเล่าเรื่องที่มันสุดยอด SBO และเขาก็มีช่องทีวี ช่องสตรีมของเขาอยู่แล้วเล็กๆน้อยๆ แต่ streaming ที่เขาจะเอามาสู้กับ Netflix ชื่อว่า SBOMAC แล้วตัวนี้แรงแน่นอนเพราะ APNP ก็ไม่ใช่เจ้าเล็กๆ รายต่อไปคือ apple เป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการติด top 3 ของโลกมานานแล้ว แล้วเราก็รู้ว่าถ้า apple จะทําอะไรสักอย่างมีเหรอ ? ที่จะไม่สําเร็จ บอกว่าเขาจะส่ง Apple TV Plus ออกมา ซึ่งลงทุนสูงมากๆ เขาบอกว่าจะใช้เงินประมาณสัก 4 พันดอลลาร์ในช่วง 3ปีนี้เพื่อผลิตคอนเทนต์มาสู้อีกเจ้าหนึ่งที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือ Home cast เขามี NBC universal อยู่ในมือแล้วและเพราะฉะนั้นเขาจะทําสตรีมมิ่ง และสตรีมมิ่งของเขา

ทีนี้พอเห็นยักษ์ใหญ่ๆลงมาเล่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโทรคมนาคมรายใหญ่ อย่างที แอนด์ ที ดิสนีย์ที่เป็นเจ้าของคอนเทนต์ หรือไม่ว่าจะเป็น ทําไมต้องลงมาเล่นในศึกสตรีมมิ่ง ? คําตอบก็คือยุคนี้ มันต้องดีพีซี direct to consumer เขาไม่ต้องเอาคอนเทนต์ของเขา ไปลงใน Netflix เก็บข้อมูลลูกค้าไปแต่เพียงผู้เดียว ปัญหาก็คือ Netflix มันจะโตไปได้มากกว่านี้ได้อีกนานเท่าไร ? ถ้าเราไปดูตัวเลขก็จะรู้เลยว่า สูญเสียศัพท์ต่อปี 7 %ในทุกๆปี งบการเงินของเขาออกมาเลยบอกว่าในอเมริกาลดลงเป็น 130000 คน แล้วในระดับโลกเขาตั้งเป้าว่าจะเพิ่มขึ้นมาอีก 5 ล้านการติดตาม สุดท้ายได้มาเพียงแค่ 2.7 ล้าน คือถ้าเป็น KPI ก็คือไม่ให้ผ่านแล้วที่พูดมาทั้งหมดยังไม่ได้พูดเรื่องหนี้เลย หนี้ของ Netflix ตอนนี้ทับถมมหาศาลมาก ๆ สิ่งที่เขาต้องทําก็คือการสร้าง original content แต่ original content ก็ไม่ได้ถูก ปี 2018 Netflix ลงทุนกับการสร้าง Original Content ไปทั้งหมด 11000 ล้านดอลลาร์แล้วปีนี้บอกว่าจะเอาอีก 15000 ล้านดอลลาร์ทุ่งกับการสร้างออริจินอลคอนเทนต์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คอนเทนต์ก็จะหลุดออกไป คู่แข่งก็เยอะเงินก็ต้องไปกู้เขามาเพื่อจะมาสร้าง

การที่เขามาเป็นเจ้าแรกแรกของตลาด มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะพ่ายแพ้ซะทีเดียว สิ่งที่เขามาก่อนแล้วเขาทําได้ดีกว่าคู่แข่งที่กําลังเริ่มต้นแล้วบอกว่าจะทําสตรีมมิ่งตัวนั้นตัวนี้ดิสนีย์ทํายังไง AP and T ทํายังไง ? แต่ละเจ้าทํายังไง ? Netflix เขาทําไปก่อนแล้วแล้วสิ่งที่เขาได้เปรียบมากที่สุดคือ เทคโนโลยีในการทําสตรีมมิ่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดิสนีย์ซื้อกิจการของ Bamplex ที่เป็นบริษัทด้านการผลิตเทคโนโลยีสตรีมมิ่ง 2.6 พันล้านดอลลาร์เพื่อมาพัฒนา Disney Plus ของตัวเอง กิจการนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆมันแพงมากๆ แต่ Netflix เขามีสิ่งนี้อยู่แล้ว แล้วมากกว่านั้นเขาต่อให้ลดลงไปทุกปีแต่ตอนนี้เขาก็มีให้บริการอยู่ทั่วโลก เอเชีย อเมริกา ยุโรป แอฟริกา ลาติน อเมริกามีหมด 150 ล้านไฟเบอร์ทั่วโลก เจ้าอื่นยังไม่มีเพราะยังไม่ให้บริการและมันไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีหรือว่ายอดเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่ Netflix กําลังทําอย่างในประเทศไทยก็ได้ เขากําลังทําเจาะเข้าไปเลยนี่คือสิ่งที่เขามาก่อนแล้วได้เปรียบ หรือถ้าพูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ network ในการแปลภาษาก็ได้ คุณสมัคร Disney Plus บวกกับเป็นที่เป็นของDisney ตอนนี้ไปแล้วที่ผู้ใหญ่ๆ ดูได้ วิญญูชนอย่างเราจะเลือกอันไหนแต่เขาก็ต้องสู้กันต่อไป พาดหัวของฝรั่งที่ช่วงนี้มาแรงเกี่ยวกับเรื่อง netfick ก็คือว่า The words night mans of netflix has come should. Oh my god. คู่แข่งกําลังมาทุกทิศทางนี่คือฝันร้ายของนักลงทุนด้วยเหมือนกัน ลูกค้าอย่างเราผู้บริโภคหน้าใสใสตาดําๆอย่างเรา เงินมีเท่าเดิม ช่องทางมีมากขึ้นก็จริง อีกอย่างหนึ่งก็คือ เวลานอนของเรา

สนับสนุนโดย ufa747.cc