ด้วยสภาพภูมิประเทศอันอุดมสมบูรณ์แบบเขตร้อนชื้น มีแสงแดดอบอุ่นตลอดปี ทำให้ประเทศไทยอุดมไปด้วยมรดกธรรมชาติ ที่โดดเด่นและมีความหลากหลายทางชีวภาพที่สุด ซึ่งถือเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่ามหาศาลที่หาชาติไหนเทียบเคียงได้ยากยิ่ง ล่าสุดกลิ่นหอมจรุงใจของดอกไม้พื้นเมืองจากทุกภูมิภาคทั่วไทย กำลังขจรขจายไปไกลสู่ระดับโลก ความหอมเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราจะขาดไม่ได้ ในประเทศไทยมีพันธุ์ไม้หลายหลายชนิดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสีสันที่สวยงาม หรือแม้แต่กลิ่นหอมอันเลอค่า แล้วจะมีไม้หอมอะไรบ้าง ที่จะให้กลิ่นหอมที่เย้ายวน treemusketeers จะพาทุกคนมาดูกันเลยค่ะ
1.เดหลีใบกล้วย (Peace lily)
กลีบดอกเป็นรูปหัวใจคล้ายดอกหน้าวัวแต่มีสีขาวคงเป็นจุดเด่นที่ทำให้เลือกปลูกเดหลีใบกล้วยในสวน เพราะเป็นไม้หัวจึงมักปลูกเป็นไม้พุ่มต่ำ ชอบแสงแดดรำไร แต่ต้องรดน้ำเป็นประจำ มีกลิ่นหอมแรง
2.กระทิง (Alexandrian laurel)
เป็นไม้ยืนต้นที่มีดอกสีขาวขนาดเล็กดูน่ารัก มีกลิ่นหอมปานกลาง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นหอมแรงๆ
3.กระดังงาไทย (Ylang-ylang)
เรียกได้ว่าเป็นไม้หอมคู่สวนไทย สำหรับกระดังงา ซึ่งมีทั้งกระดังงาไทย กระดังงาจีน แต่กระดังงาไทยมีกลิ่นหอมปานกลาง สามารถปลูกให้ร่มเงาในตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็มวัน
4.เปลวสุริยัน (Mexican flame vine)
เปลวสุริยัน เป็นไม้เลื้อยดอกหอมที่ให้ดอกสีแดงสดใส ควรปลูกในตำแหน่งแสงแดดเต็มวัน ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ จะปลูกเป็นซุ้มไม้เลื้อยก็เหมาะสม
5.ปีบ (Cork Tree)
เรียกได้ว่าเป็นพรรณไม้ยอดนิยมที่ยังครองใจคนไทยไม่เลิก ด้วยกลิ่นหอมแรงแต่มีกลิ่นนุ่มสบายจมูกชวนดม
เชื่อว่าหลายคนรู้จักดอกไม้กลิ่นหอมตอนกลางวัน เช่น ปีบ จำปี มะลิ บุหงา สายหยุด กรรณิการ์ และพุดน้ำบุศย์กันเป็นอย่างดี แต่รู้ไหมคะว่านอกเหนือจากนี้ยังมีดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมตอนกลางคืนอยู่อีกเพียบ แถมแต่ละต้นก็ดีงาม น่าสนใจไม่แพ้กันเลยด้วย เพราะนอกจากจะเป็นไม้ดอกที่ส่งกลิ่นหอมช่วงค่ำถึงช่วงสายแล้ว ตอนกลางวันยังให้ความสวยงาม ร่มรื่น และสดชื่นอีกต่างหาก ฮั่นแน่ ชักเริ่มอยากรู้กันแล้วล่ะสิว่าจะมีดอกไม้ไทยชนิดไหนที่มีกลิ่นหอมตอนกลางคืนบ้าง
1.แก้ว
แก้ว (Orang Jessamine) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Murraya paniculata. พบบ่อยตามป่าดิบแล้ง มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ทรงพุ่ม สูงประมาณ 5-10 เมตร ใบเป็นช่อเรียงสลับ ขอบเรียบ สีเขียวเข้มเป็นมัน ส่วนดอกมีขนาดเล็ก ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ส่งกลิ่นหอมตอนกลางคืน ผลเป็นทรงไข่ สีส้ม โคนรี ปลายทู่ มีเมล็ดข้างใน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง แข็งแรง ทนแล้งดี ดูแลไม่ยาก ชอบดินร่วนปนทรายที่ร่วนซุย ชอบแสงแดดจัดเต็มวัน ชอบน้ำปานกลาง และหมั่นคอยตัดแต่งทรงพุ่มอยู่เสมอ
2.โมก
โมก (Moke) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Wrightia religiosa Benth. เป็นต้นไม้มงคลที่เชื่อว่าปลูกแล้วจะช่วยให้เกิดความสุข ความบริสุทธิ์ และป้องกันภัยอันตราย มีสรรพคุณทางยาทุกส่วนของลำต้น ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-12 เมตร กิ่งก้านแตกออกรอบตัว ใบเป็นใบเดี่ยว ทรงไข่ ปลายมน โคนแหลม ขอบเรียบ เนื้อบาง สีเขียวสวย ส่วนดอกเป็นช่อสั้น สีขาว ขนาดเล็ก กลิ่นหอม ออกตามปลายกิ่งตลอดทั้งปี ผลเป็นทรงกระบอก มีเมล็ดข้างในจำนวนมาก นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ แต่สามารถตอนกิ่งหรือเพาะเมล็ดได้เหมือนกัน ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงรบกวน ชอบดินร่วนซุย ชอบความชื้นปานกลาง ต้องการแสงแดดจัดกลางแจ้ง และต้องการน้ำประมาณ 5-7 วัน/ครั้ง
3.ลำดวน
ลำดวน หรือที่ชาวเหนือรู้จักในชื่อ หอมนวล (Lamdman หรือ White Cheesewood) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Melodorum fruticosum Lour. เป็นต้นไม้มงคล สีนวลสว่าง สื่อถึงความสดชื่นและกลมกลืน มักพบแถวป่าดิบแล้งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาโรคและบำรุงร่างกาย แต่คนส่วนใหญ่นิยมปลูกจัดสวน ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 8 เมตร ลำต้นสีน้ำตาลเทา ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ ทรงรียาว โคนใบแหลม ปลายใบเรียว ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวเป็นมัน ยอดและใบอ่อนสีแดง ส่วนดอกเป็นทรงสามเหลี่ยมขนาดเล็ก สีเหลือง ออกตามซอกใบและปลายยอดช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ กลีบหนาและแข็ง มีกลิ่นหอมเย็น ผลเป็นทรงกลมรี มีเมล็ดข้างใน
4.คัดเค้า
คัดเค้า หรือหนามเล็บแมว (Siamese Randia) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oxyceros horridus Lour. เป็นต้นไม้ที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย นิยมปลูกตามแนวรั้ว เพราะเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย ลำต้นเป็นเถาแข็งพาดตามรั้วหลักหรือพรรณไม้อื่น มีหนามแหลมตามกิ่งก้าน ใบมีลักษณะคล้ายใบมะม่วง ยาว แข็ง หนา สีเขียวสดเป็นมัน และมีแกนกลางใบชัดเจน ส่วนดอกมีขนาดเล็ก สีขาว คล้ายดอกมะนาว หอมมากช่วงค่ำหรือช่วงอุณหภูมิต่ำ ออกตลอดทั้งปี
สนับสนุนโดย jilislot.win