Shokupan ก็คือขนมปังแซนวิช หรือขนมปังโทสต์ นั่นเอง แล้ว Shokupan แตกต่างจากขนมปังแซนวิชหรือขนมปังโทสต์อื่นๆอย่างไร?
โชกุปัง (โชคุปัง – Shokupan) คือขนมปังปอนด์ สีขาว แผ่นสี่เหลี่ยมหรือทรงโลฟ (loaf) ทำไมกินแล้วหยุดไม่ได้ เพราะความหอม นุ่ม เด้ง ขอบบางเคี้ยวได้ไม่รำคาญ และมีสารพัดส่วนผสม เช่น ผสมฟักทอง มันม่วง ยูซุ ชาเขียว ธัญพืช โฮลวีท ช็อกโกแลต แครนเบอร์รี่ ฯลฯ
วันนี้ treemusketeers จะพามาทำความรู้จักขนมปังแซนวิชหรือขนมปังโทสต์ที่เรารู้จัก มีต้นกำเนิดมาจากทางอังกฤษ (British Toast) หรือฝรั่งเศส (Pain de mie) โดยขนมปังทางฝั่งนั้นส่วนผสมหลังจะเป็นแป้ง น้ำ เกลือ ยีสต์ ซึ่งรสชาติจะไม่ได้เข้มข้นมาก แต่ Shokupan ของญี่ปุ่นจะได้อิทธิพลจากขนมปังทางฝั่งอเมริกาที่มีส่วนผสมน้ำตาล เนย นม ไข่ เพิ่มเข้ามา ทำให้มีรสชาติที่เข้มข้น แต่การที่มีส่วนผสมที่เข้มข้นขนาดของอเมริกานั้น โครงสร้างกลูเตนถูกทำลาย เนื้อจะร่วนขึ้น (ให้นึกภาพขนมปังบริยอชขึ้นรูปโทสต์นะคะ) คนญี่ปุ่นก็มาปรับปรุงขนมปังให้มีความนุ่ม ยืดหยุ่น พัฒนาการนวดให้โครงสร้างกลูเตนแข็งแรง และปรับปรุงเรื่องปริมาณของเหลวในโด จึงได้ขนมปังที่นุ่ม หนึบ อร่อยแม้ไม่ทาอะไร
Shokupan (食パン) ความจริงก็คือชื่อเรียกขนมปัง Sandwich สีขาวที่ทุกครัวเรือนชื่นชอบทานกันในตอนเช้านั่นเอง สิ่งที่ทำให้โชคุปังแตกต่างจากขนมปัง Sandwich ของชาติอื่นๆ ก็คือ เส้นใยขนมปังที่เนียนละเอียด โพรงอากาศขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้เนื้อขนมปังนุ่มละมุน และยืดเหนียว
เทคนิคที่ทำให้เกิดเนื้อขนมปังแบบนี้ คือ เทคนิค Yudane (ยู ดา เนะ) หรือก็คือการนำแป้งสาลี 1 ส่วน ผัดกับน้ำเดือด 1 ส่วน ทำให้แป้งเกิดการ Gelatinized หรือแป้งเมื่อผัดกับน้ำจะเป็นลักษณะคล้ายมันฝรั่งบดแห้ง แป้งจะมีความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในตัวมากกว่าเดิม ทำให้ Shelf life ของขนมปังเก็บได้นานขึ้นโดยที่ไม่แห้ง โดยไม่จำเป็นต้องใส่ Fat (ไขมันอื่นๆเช่น เนย) เยอะเพื่อให้ขนมปังชุ่มชื้น
คนญี่ปุ่นทำ โชกุปัง มานานแล้วแต่ทำไมเพิ่งมาฮิตเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ต้องย้อนอดีตไปสักหน่อยว่า แท้จริงแล้วญี่ปุ่นเป็นสังคมกินข้าวเหมือนคนไทย ขนมแต่โบราณทำจากแป้งข้าว ที่เรียกว่า โมจิ
แต่เมื่อชาวโปรตุเกสมาค้าขายและมาสอนศาสนาในญี่ปุ่น เมื่อศตวรรษที่ 16 ราวปี ค.ศ.1543 มาอยู่ที่เมืองทาเนกาชิม่า บนเกาะคาโกชิม่า และนำขนมปังเข้ามา ชาวโปรตุเกสเรียกว่า pão แต่คนญี่ปุ่นออกเสียงว่า pan นับเป็นยุคแรกที่คนญี่ปุ่นรู้จักทำขนมปังแบบชาวตะวันตก
ยุคแรก ๆ ชาวญี่ปุ่นกินขนมปังเป็นขนม (เหมือนโมจิ) มีบันทึกหนังสือสูตรทำขนมปัง ตีพิมพ์เมื่อปี 1718 ชื่อ Japanese Sweets Book ระบุว่าชาวญี่ปุ่นที่ทำขนมปังชื่อ Egawa Hidetatsu ทำขนมปังเมื่อปี 1842 ต่อมาก็ทำให้โชกุนโตกุกาวะ อิเอยาสุ (ยุคเมจิ 1868-1912) กินด้วยโดยสร้างโรงอบขนมปังในจังหวัดชิสึโอกะ และทำขนมปังให้ทหารต่างชาติกินด้วย
ขนมปังในญี่ปุ่นได้รับความนิยมมาก คนญี่ปุ่นเป็นคนช่างคิดจึงทำขนมปังเป็นทรงกลม ๆ (bun) แล้วใส่ไส้ถั่วแดงเรียกว่า Anko เมื่อปี 1874 คนทำตั้งใจทำถวายจักรพรรดิยุคเมจิ เมื่อผู้ปกครองชอบก็ทำให้คนทั่วไปนิยมกินไปด้วย
พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แป้งสาลีที่นำเข้าจากอเมริกาขาดแคลน นมก็แพง แต่ข้าวในญี่ปุ่นยังปลูกได้ดี คนญี่ปุ่นจึงคิดนำแป้งข้าวมาดัดแปลงทำขนมปัง ก็ในเมื่อทำโมจิ ได้นุ่มเหนียวหนึบ ทำไมจะเอาแป้งข้าวเจ้ามาทำขนมปังไม่ได้ คนทำขนมปังจึงคิดสูตร โชกุปัง ทำให้แป้งเหนียวนุ่มเด้ง พื้นฐานการทำจากขนมโมจิ mochimochi ไป ๆ มา ๆ ก็เป็นขนมปังแซนด์วิช แล้วเริ่มกินเป็นอาหาร ไม่เป็นขนมอย่างแต่ก่อ
Nama shokupan คือ เป็นขนมปังที่ใส่ครีมสด หรือ Nama cream ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งก็คือวิปปิ้งครีม (ที่ยังไม่ได้เอาไปตีเป็นวิปครีมนะคะ) แล้วขึ้นรูปโทสต์
ทำไมขนมปัง Nama shokupan ถึงฮิตจัง
แต่เดิม Shokupan ก็เป็นขนมปังที่ขายตามซุปเปอร์มาเก็ต หรือร้านขนมปังทั่วไปในประเทศญี่ปุ่นค่ะ ก็ทานกันเป็นอาหารเช้าทั่วๆไป แต่พอสักช่วงหลังๆ (ไม่ทราบปีแน่นอน) ก็เริ่มมีร้านขนมปังที่ขายเฉพาะ Shokupan แล้วมีผลิตภัณฑ์ขนมปังที่มีครีมสดเป็นส่วนผสม ขายดิบขายดีกันเลยทีเดียว เมื่อมีคนไทยไปทานก็ติดใจค่ะ เพราะความเหนียว นุ่ม ละมุนลิ้น จึงมีการนำมาทำขายในบ้านเรา ตอนนี้ตลาด Shokupan ในบ้านเราก็บูมมาก จากร้านที่ทำ Homemade ขายออนไลน์สั่งจองนานๆ จนแบรนด์ใหญ่ๆ ก็เริ่มลงมาเล่นด้วยแล้ว Shokupan ทำได้กี่แบบ Shokupan จะมี 2 แบบใหญ่ๆ คือ ทรงสี่เหลี่ยม Kaku shokupan และทรงภูเขา Yama shokupan
สนับสนุนโดย pgslot99th.club