Thursday, 28 March 2024

หมาล่า รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

05 Feb 2023
236

ปก-หมาล่า-รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

ฮอตฮิตติดลมบนสุด ๆ กับอาหารชื่อแปลกชนิดนี้ “หม่าล่า” ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เรียกว่าเดินไปที่ไหนก็เจอแผงหรือร้านขายหม่าล่ากันเต็มไปหมด เพื่อน ๆ หลายคนคงเคยลองและติดใจรสชาติเผ็ดซ่าจนลิ้นชาของหม่าล่ากันมาเยอะแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว หม่าล่าคืออะไร และมีที่มาจากที่ไหนกันแน่ วันนี้ treemusketeers หาคำตอบมาไว้ให้ทุกคนแล้ว

หมาล่า คืออะไร?

หมาล่า คือ เครื่องเทศรสเผ็ดที่มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน พี่น้องของไทยเรานี่เอง ใครที่คิดว่าคนจีนไม่ทานเผ็ดอาจจะต้องคิดใหม่ เพราะคนเสฉวนนี่แหละ คือคนที่ทานเผ็ดได้อย่างแท้จริง เป็นความเผ็ดล้ำลึก และแปลกใหม่ชนิดที่ไม่ได้มีความใกล้เคียงกับรสชาติเผ็ดจากพริกสวนของบ้านเราเลย อธิบายได้สั้นๆ ง่ายๆ ว่า หมาล่า เป็นเครื่องเทศที่ให้รสชาติ “เผ็ดจนลิ้นชา” ได้เลยทีเดียว โดยคำว่า “หมา” หมายถึงอาการชาที่ปลายลิ้น ในขณะที่คำว่า “ล่า” หมายถึง รสชาติเผ็ด (แปลกันตรงตัวแบบนี้แหละ)

ส่วนประกอบที่ทำให้หมาล่ามีรสชาติเผ็ดจนลิ้นชาได้ คือ เครื่องเทศที่มีชื่อว่า ฮวาเจียว หรือพริกไทยเสฉวน รูปร่างคล้ายเม็ดพริกไทยดำโดยพริกนี้เป็นรสชาติหลักของหมาล่านี่แหละ

ต้นกำเนิด

ต้นกำเนิดที่ชัดเจนของหม่าล่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่าเริ่มต้นจากเมื่อใดและที่ใด แต่มีแหล่งข้อมูลหลายแห่งระบุว่า น่าจะเริ่มต้นมาจากตลาดกลางคืน ที่ครัวของท่าเรือในนครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ด้วยรสชาติที่เข้มข้น เผ็ดร้อน ให้ความรู้สึกอบอุ่น และชั้นน้ำมันหนาที่ช่วยถนอมอาหาร รวมถึงช่วยกำจัดกลิ่นคาวที่ไม่พึงประสงค์ของอาหารที่มีราคาถูกหรือกลิ่นสาบของเนื้อสัตว์ เช่น เลือดที่แข็งตัว กระเพาะและไตของเนื้อสัตว์ ทำให้มีการนำซอสหม่าล่ามาทำอาหารให้กับคนงานในท่าเรือนั่นเอง

ความเผ็ดแบบหมาล่า

ความเผ็ดของหม่าล่า มาจากไหน

ความเผ็ดนั้นมาจากพริกไทยเสฉวน (Sichuan Peppercorn) หรือฮวาเจียว (huājiāo) มีรูปร่างคล้ายกับพริกไทย และรสชาติคล้ายกับมะแขว่นในบ้านเรา ผสมกับเครื่องเทศอีกหลายชนิด นำมาคั่วกับน้ำมันจนกลายเป็นซอสหม่าล่า เป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญของอาหารจีนเสฉวน โดยเฉพาะอาหารของนครฉงชิ่ง ต่อมาได้แพร่หลายออกไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศจีน จนในที่สุดก็ได้กระจายความนิยมออกมาสู่ประเทศไทยบ้านเราด้วย

วิธีปรุงหมาล่า

หมาล่า สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด และปิ้งย่าง ที่เรานิยมทานกันในไทย คือการทาเป็นซอสชุ่มๆ บนอาหารเสียบไม้ย่าง เช่น หมู ไก่ กุ้ง เบคอน เห็ด กระเจี๊ยบ ฯลฯ และเป็นส่วนผสมของน้ำซุปหมาล่าในร้านชาบู หรือสุกี้สไตล์จีน ส่วนวิธีอื่นๆ คือการนำไปผัดกับเนื้อสัตว์ และผัดจนหมาล่าแห้งเล็กน้อย หรือจะทานแบบลวก โดยคนจีนแถบปักกิ่งจะนำเนื้อสัตว์ไปลงในน้ำซุปหมาล่าที่ปรุงเอาไว้ก่อนทาน แต่ชาวเสฉวนจะนำเนื้อสัตว์ไปลวกก่อน แล้วจึงปรุงซุปหมาล่าทีหลัง

ปิ้งย่างหมาล่า

ประโยชน์ของหมาล่า

อันที่จริงแล้วควรจะบอกว่าเป็นประโยชน์ของ ฮวาเจียว มากกว่า รสเผ็ดของฮวาเจียวช่วยขับลมในลำไส้ แก้หวัด แก้วิงเวียนศีรษะ บางคนนำมาต้มดื่มเป็นยาแก้ไข้ นอกจากนี้ยังช่วยขับระดูสำหรับสตรีอีกด้วย ส่วนตัวเม็ดฮวาเจียวเอง ถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของยาบำรุงหัวใจ และบำรุงเลือดในตำรักยาสมุนไพรของจีนมานานแล้ว

ปรุงอาหารรสชาติเหมือนหมาล่า ด้วยเครื่องเทศของไทย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า คนไทยเองก็มีสมุนไพรที่มีเชื้อสายเดียวกันกับฮวาเจียวด้วย นั่นคือ “มะแขว่น” เป็นเครื่องเทศของทางเหนือบ้านเรานี่เอง มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ คล้ายพริกไทยดำเช่นเดียวกัน สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเหมือนกับหารปรุงหมาล่า ทำเป็นซอสหมักเนื้อสัตว์ก่อนนำไปย่าง อบ ทอด หรือจะโปรยลงไปในอาหารจานผัด แกง หรือต้ม เพิ่มความเผ็ดร้อนให้กับอาหารจานนั้นได้ใกล้เคียงกับหมาล่าเช่นเดียวกัน

สนับสนุนโดย ivip9.win