Tuesday, 23 April 2024

น้ำจิ้ม คู่คนไทย

20 Mar 2023
249

ปก น้ำจิ้ม คู่คนไทย

ไม่ว่าอาหารทะเลมื้อนั้นจะสดใหม่หรือวิเศษแค่ไหน หากขาดน้ำจิ้มรสชาติถึงใจก็เรียกว่าไม่เต็มอิ่ม โดยเฉพาะเมื่อเป็นมื้ออาหารทะเลยามอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เครื่องจิ้มที่คู่เคียงมานั้นมักเข้าขั้นไม่ถูกปาก แม้บางครั้งจะรสจัดจ้านถึงใจอย่างเลมอนและเกลือ ที่เสิร์ฟเคียงอาหารทะเลในครัวตะวันตก แต่ทุกครั้งก็มักคิดถึง ‘น้ำจิ้มซีฟู้ด’ อย่างไทยๆ ที่เปรี้ยวเผ็ดเข็ดฟัน ช่วยชูรสมื้ออาหารทะเลได้ดีนัก ไม่เคยเห็นรสชาตินี้ในครัวของชนชาติใดนอกจากไทยแลนด์ อาจมีบ้างที่ใกล้เคียงกันอย่างน้ำจิ้มแจ่วของทางอีสานเรื่อยไปจนถึงลาว แต่ก็ไม่ใช่น้ำจิ้มซีฟู้ดสีเขียวจากพริกสดรสชาติเปรี้ยวเผ็ดอย่างที่ติดใจมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย จนชวนให้สงสัยว่าตำรับเครื่องจิ้มนี้มาจากไหน ใครเป็นคนริเริ่ม และมันเติบโตอยู่ในครัวไทย จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของไทยได้อย่างไรกัน ? treemusketeers ชวนมาทำความรู้จักกับน้ำจิ้มกันค่ะ

ในการทำธุรกิจร้านอาหารนั้น ผู้ประกอบการล้วนมีเรื่องใหญ่ๆ ให้ต้องโฟกัสหลายเรื่อง อาทิ วัตถุดิบในการทำอาหารจะต้องดี มีคุณภาพ สดใหม่ เชฟจะต้องมีฝีมือเชี่ยวชาญ รังสรรค์สูตรเด็ดความอร่อยที่มัดใจลูกค้าให้ได้ เป็นต้น

น้ำจิ้ม

ซึ่งบางทีการโฟกัสเฉพาะแต่เรื่องใหญ่ๆ ก็อาจทำให้เราพลาดเรื่องเล็กๆ ที่สำคัญไม่แพ้กันไป จนก่อให้เกิดความเสียหายได้เช่นกัน ซึ่งหนึ่งในเรื่องเล็กๆ ที่หลายคนมักมองข้ามและคาดไม่ถึงนั้น ก็ได้แก่เรื่อง “น้ำจิ้ม” โดย 3 เหตุผลจากนี้ จะเป็นคำตอบว่าทำไม น้ำจิ้ม หรือ Dipping Sauce จึงไม่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม

1.ถ้าน้ำจิ้มไม่อร่อย อาหารก็อร่อยน้อยลงจริงหรือไม่?

ปฏิเสธไม่ได้ว่าวัฒนธรรมการทานอาหารของไทยเรา หรือทุกชาติเลยก็ว่าได้ที่จะขาดน้ำจิ้มไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะบทบาทของน้ำจิ้มนั้น ไม่เพียงแต่ช่วยให้อาหารอร่อยขึ้น แต่ยังทำให้ อาหารรสชาติธรรมดาๆ หรืออาหารที่ทำจากวัตถุดิบกลางๆ กลายเป็นอาหารรสเลิศได้เลยทีเดียว

จนถึงขั้นว่าถ้าน้ำจิ้มไม่อร่อยแล้ว บางทีอาหารอร่อยแค่ไหน วัตถุดิบดีแค่ไหนก็ไม่อาจมัดใจลูกค้าได้ ดังนั้น หากผู้ประกอบการร้านอาหารไม่ให้ความสำคัญกับน้ำจิ้ม อาจจะเกิดความเสี่ยงทำให้คุณภาพอาหารลดลง รสชาติอาหารดรอปลง จนทำให้ลูกค้าไม่ถูกปากถูกใจ และส่งผลกระทบต่อยอดขายและกำไรของร้านได้ในที่สุด

2.ถ้าให้น้ำจิ้มน้อย ลูกค้าก็นอยด์ไม่ประทับใจ

เพราะน้ำจิ้มช่วยชูรสชาติและความเพลิดเพลินในการทานอาหาร เช่น ของทอดทั้งหลาย ที่หากน้ำจิ้มน้อยไป จิ้มไม่เต็มปากเต็มคำ ก็จะทำให้อรรถรสเสียไปได้ ดังนั้น ลูกค้าจึงมักจะขอน้ำจิ้มมากเป็นพิเศษเสมอ จุดนี้เองจึงทำให้ผู้ประกอบการต้องคำนวณต้นทุนค่าน้ำจิ้มให้ดี

น้ำจิ้มรสต่างๆ

3.ถ้าทำน้ำจิ้มเอง ต้องคำนวณเรื่อง Waste ให้ดี

ร้านอาหารหลายๆ ร้านมักจะมีสูตรน้ำจิ้มเป็นของตัวเองที่มั่นใจว่าเป็นสูตรเด็ดแตกต่างที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจได้มากกว่าร้านอื่นๆ แต่ทั้งนี้ในกระบวนการทำน้ำจิ้มเองนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มสุกี้ ฯลฯ ก็ล้วนแล้วต้องคำนึงถึงการใช้วัตถุดิบที่ให้ดี

จำเป็นต้องมีการคำนวณต้นทุนต่อหน่วยใช้จริง เพื่อให้เกิด Waste น้อยที่สุด และได้ต้นทุนที่ถูกที่สุด เพราะเราต้องไม่ลืมว่า พริก 1 กิโลกรัมที่เราซื้อมานั้น อาจไม่ได้ใช้ได้ทั้งหมด แต่จะมีที่เน่า ที่ต้องตัดทิ้ง ออกไปด้วย ดังนั้น พริกกิโลละ 10 บาท จึงไม่ได้มีต้นทุน ขีดละ 1 บาทเสมอไป ซึ่งถ้าเราไม่ใส่ใจตรงจุดนี้ให้ดี ก็จะทำให้ “ต้นทุนผิดเพี้ยน” และนำไปสู่การใช้น้ำจิ้มจนขาดทุนได้โดยไม่รู้ตัว

เพื่อให้สามารถเสิร์ฟน้ำจิ้มในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า และไม่ทำให้ร้านต้องขาดทุน เพราะหากร้านอาหารหวงน้ำจิ้มกับลูกค้าเพราะกลัวขาดทุนเมื่อไร ก็จะนำมาซึ่งปัญหาการถูกคอมเพลน ความไม่พึงพอใจ และส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของร้านได้เลยทีเดียว

สนับสนุนโดย casino5g.com