ดื่มชา ดีอย่างไร ?

31 Jan 2023

317

ปก ชาเขียว

ชา จัดเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมบริโภคในบุคคลทุกกลุ่ม ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน อาจจัดได้ว่าชามีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านการบริโภค นอกจากนำมาเป็นเครื่องดื่มแล้ว ยังใช้เป็นส่วนผสมของอาหารคาว หวาน เนื่องจากในใบชาอุดมไปด้วยสารอาหารทางชีวภาพมากกว่า 200 ชนิด และยังมีสารอาหารสำคัญอย่างคาเทชิน (Catechin) ซึ่งถือเป็นสารประกอบอันมีฤทธิ์ในการช่วยดักจับอนุมูลอิสระและยังมีธีอะนิน (Theanine) กรดอะมิโนที่มีฤทธิ์การทำงานสัมพันธ์กันกับเส้นประสาทร่างกาย ดื่มแล้วจึงทำให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หากต้องการดื่มชาแบบให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด ควรดื่มขณะชงเสร็จร้อนๆ ถึงจะดีที่สุด

เมื่อชงแล้วก็ควรดื่มให้หมด ไม่ควรปล่อยชาเอาไว้นานเกินกว่า 2 ชั่วโมง เพราะไม่เช่นนั้น สารคาเทชินจะเกิดการดักจับและรวมตัวกันกับออกซิเจน จนทำให้สีของน้ำชาคล้ำขึ้น รสชาติน้ำชาก็จะฝาดขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากมีกรดแทนนินปริมาณสูง (Tannin) เข้ามาแทนที่ หากดื่มชาในตอนที่มีรสฝาดล่ะก็ ย่อมส่งผลเสียต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ กล่าวคือ การดูดซึมสารอาหารเป็นไปได้อย่างไม่เต็มที่ดีนัก โดยเฉพาะธาตุเหล็ก แมกนีเซียมและแคลเซียม

การดื่มชาเขียววันละ 5 แก้วจะช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายได้ เพราะสารโพลีฟีนอลมีคุณสมบัติช่วยลดไขมันสะสม และยังช่วยยับยั้งการดูดซึมไขมันไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย เพราะฉะนั้น หากดื่มชาเขียววันละ 5 แก้ว ก็ย่อมสามารถช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้อย่างแน่นอน

ชา เครื่องดื่มอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างมาก พร้อมมีการนำมาแปรรูป และรสชาติชาที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งชาแต่ละชนิดจะให้ความหอม และรสชาติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ชาเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายรสชาติไม่ขมจนเกิดไปอีกทั้งยังเป็น ผลผลิตทางเกษตรกรรมจากต้นชา ที่ผ่านการแปรรูป รวมไปถึงการผสมกับพืช ผลไม้ หรือ ดอกไม้ชนิดอื่นๆ อีกทั้งชาเหล่านี้ยังเป็นเครื่องดื่มสุดฮิตที่อันดับรองมาจากน้ำเปล่า ซึ่งสามารถทานได้ทั้งเครื่องดื่มแบบร้อน และแบบเย็น

ชาเขียวมัจฉะ

treemusketeers จะพามาดูว่า ชามีกี่ประเภท ? ชามีทั้งหมด 5 ประเภทด้วยกัน โดยจะแบ่งตามกระบวนการแปรรูปต่างๆ ของชา

1.ชาดำ (Black Tea)

ชาดำ เป็นชาที่นิยมดื่มกันมากที่สุด ซึ่งหลายคนจะรู้จักในชื่อของชาฝรั่ง

2.ชาอู่หลง (Oolong Tea)

ชาที่มีการหมักใบชาสดบางส่วน และการนำยอดชามาผึ่งแดด 20-40 นาที

3.ชาเขียว (Green Tea)

ชาที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนของการหมักชาสด ซึ่งจะเป็นการนำยอดใบชาสดมาทำให้แห้ง ซึ่งชาเขียวเป็นชาที่นิยมดื่มกันเป็นอย่างมาก และมีหลากหลายแบบอีกด้วย

4.ชาขาว (White Tea)

เป็นชาที่ใช้ยอดชาอ่อน ที่ยังเป็นปุยมีขนอ่อนสีขาวที่จะนำไปตากแดดตามขั้นตอน ซึ่งชาชนิดนี้จะยัคงคุณประโยชน์ไว้อยู่อย่างมากเลยทีเดียว

5.ชาอื่นๆ

ชาเป็นสิ่งที่สามารถผสมผสานกันกับหลากหลายสิ่งทำให้ได้รสชาติและกลิ่นที่แปลกใหม่ และความนุ่มของตัวชาที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น ชา Earl Grey ที่เป็นส่วนผสมของ Darjeeling และ ชาจีน ชา English Breakfast การผสมของ ชาซีลอน ชาอัสสัม และ ชาเคนยา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีชาประเภทที่มีการแต่งกลิ่นโดยผสมใบชากับ ผลไม้ ดอกไม้ เครื่องเทศ หรือ สมุนไพรต่างๆ อีกด้วย

Green-tea-leaves